ข่าวสารล่าสุด

ข่าวด่วน


 
ข่าวนี้ที่ 1 : STECH ลั่นเทรดวันแรกคึกคัก กูรูเคาะเป้าสูงสุด 3.93 บาท 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -23 ก.ค. 64 7:32: น.

 

   "สยามเทคนิคคอนกรีต(STECH)" ได้ฤกษ์เข้าเทรดวันแรก( 23 ก.ค.) อันเดอร์ไรท์ฯมั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี เหตุมียอดจองไอพีโอล้นทะลัก เป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตชัดเจน รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโบรกฯมองกำไรปี 64-65 โต 7% และ 45% ตามลำดับ  ประเมินราคาพื้นฐาน 3.22 - 3.93 บาท/หุ้น 

 

*** ตลท. รับ "สยามเทคนิคคอนกรีต(STECH)" เข้าเทรดวันแรก

    นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯรับหลักทรัพย์ บมจ. สยามเทคนิคคอนกรีต เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “STECH” 

    STECH ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงภายใต้เครื่องหมายการค้า STEC ได้แก่ เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรงและผลิตภัณฑ์ประกอบเสาไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์คานสะพานและพื้นสะพาน เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงโดยใช้แรงเหวี่ยง โดยให้บริการแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐบาลและเอกชน พร้อมกับการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร เช่น บริการขนส่งและตอกเสาเข็ม ทั้งนี้บริษัทยังมีศักยภาพในการทำงานรับเหมาก่อสร้างที่เกี่ยวกับธุรกิจหลัก โดยมีประสบการณ์ในงานติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kV และงานติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสง
     โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 2.78 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 565.73 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO เท่ากับ 2,015.5 ล้านบาท 

 

*** ผู้บริหาร เตรียมนำเงินขยายธุรกิจเสาคอนกรีตอัดแรง-เพิ่มกำลังผลิต

    นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  STECH เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวนประมาณ 550 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้ขยายธุรกิจเสาคอนกรีตอัดแรง ประมาณ 298 ล้านบาท ตามโครงการที่วางไว้ โดยลงทุนในโรงงานใหม่ 2 แห่งที่ชลบุรี และมุกดาหาร รวมทั้ง เพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานเดิม ย้ำจุดแข็งการมีโรงงานกระจายอยู่หลายภูมิภาคของประเทศไทย

    นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้คืนเงินกู้ระยะสั้นประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงและอีกส่วนหนึ่งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน การขยายงานต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ถือหุ้น เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

    ภายใต้สถานการณ์โควิดนับเป็นอีกความท้าทายของบริษัทในทุกอุตสาหกรรม แต่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับ ภาพรวมงานโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัว ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีโอกาสประมูลงานเพิ่ม จึงเชื่อว่า จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 64 เป็นไปตามเป้าหมาย เติบโตจากปี 63 ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม 1,550.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 140.60 ล้านบาท

 

*** อันเดอร์ไรท์ฯ มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี

    นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ–ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม(อันเดอร์ไรท์ฯ) เปิดเผยว่า มั่นใจ STECH เข้าซื้อขายใน SET จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก หลังจากเปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวนทั้งสิ้น 203,500,000 หุ้น พบว่า กระแสตอบรับและความต้องการหุ้นของ STECH มีมากกว่าจำนวนที่จัดสรร

    เนื่องจาก เป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและขาขึ้นอย่างชัดเจน ได้รับอานิสงส์การลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานสาธารณูปโภคของประเทศ โดยผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ถือเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง และความได้เปรียบจากโรงงาน
     ปัจจุบันมีจำนวน 9 แห่ง ครอบคลุม ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโรงงานแห่งที่ 10 ที่ชลบุรี สาขา 2 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปีนี้ รวมทั้ง โรงงานแห่งที่ 11 ที่มุกดาหาร จะแล้วเสร็จในปี 67 รองรับดีมานด์ในตลาดที่อยู่ในระดับสูง และมองว่า STECH จะโดดเด่นรับปัจจัยบวกในครั้งนี้

*** บล.เอเอสแอล เคาะเป้า 3.90 บาท คาดกำไรปี 65 โต 45%
        บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเอสแอล จำกัด คาดแนวโน้มผลประกอบการในปี 64 – 65 ประมาณการกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท และ 219 ล้านบาท ขยายตัว 7%YoY และ 45% ตามลำดับ จากปัจจัยหนุนของการเติบโตของรายได้ที่บริษัท คาดว่าจะได้รับจากงานประมูลของภาครัฐและเอกชน ที่เร่งตัวในช่วงปี 64-65 รวมถึงการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราการทำกำไรขั้นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงทั้งอัตราส่วน SG&A/Rev เนื่องจาก ไม่มีค่าเช่าสำนักงานใหญ่ เพราะซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำนักงานใหญ่มาแล้ว และค่าใช้ดอกเบี้ยที่ลดลงจาก การนำเงินที่ได้จาก IPO บางส่วนไปชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน  

    ประเมินมูลค่ากลางปี 65 เท่ากับ 3.90 บาท อิง Forward PE 15 เท่า (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ของ STC, DCON ย้อนหลัง 2 ปี – 1.0 S.D.) โดย STECH มีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มตรงที่ขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่า มี economy of scale รวมถึงที่ตั้งโรงงานมากที่สุดเทียบกับบริษัทจดทะเบียน และที่ตั้งโรงงานยัง ใกล้เคียงโครงการก่อสร้าง Mega project ของภาครัฐและเอกชน ทำให้แนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการ ในปี 64 –65 เติบโตต่อเนื่อง 

 

*** บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ราคาเป้าพื้นฐาน 3.93 บาท

    บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 3.93 บาท ซึ่งคำนวณมาจากวิธี DCF อิงการเติบโตระยะยาวที่ 1% ต่อปี และ WACC 9% และเทียบเท่า FY65F P/E 13.5x โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันทั้งธุรกิจคอนกรีตอัดแรง ธุรกิจระบบ 115 kV และเคเบิลใยแก้วนำแสงซึ่งอยู่ที่ 19.5x มองว่า STECH มีความน่าสนใจจากความชำนาญสูงในธุรกิจนี้ และการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่ง แนะนำ “ซื้อ”
 

***  บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 3.87 บาท
        บล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย)  ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 3.87 บาท บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการผลิตสินค้าคอนกรีตอัดแรงหลากหลายประเภทที่ใช้สําหรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ บริษัทเป็นที่ยอมรับในด้านประสบการณ์ อีกทั้งเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่ภูมิภาคที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการขยายงานก่อสร้างโครงสร้างพืนฐานแบบเชิงรุกในภูมิภาคเหล่านี้ คาดการณ์ผลประกอบการอยู่ในช่วงเติบโตสูงนับจากนี้


เรียบเรียง  ประน้อม บุญร่วม 
                อีเมล์. reporter@efinancethai.com