ข่าวสารล่าสุด

STECH ท็อปฟอร์ม!! บุ๊กกำไร Q3/66 พุ่งทะยานกว่า 233% โกยรายได้ 490 ลบ. ส่งซิก Q4

Investor Relations Info : STECH
 


 

STECH มองปี 67 ธุรกิจคอนกรีตอัดแรงดีมานด์พุ่ง รับเมกะโปรเจ็กต์เดินหน้า รัฐอัดฉีดงบประมาณ ดันโครงการใหม่ออกมาต่อเนื่อง พร้อมตุน Backlog อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ปีนี้ และอยู่ระหว่างลุยประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท แย้มได้ฤกษ์เดินเครื่องโรงงานผลิตลวดเหล็กที่จ.ชลบุรี ในนาม “สยามสตีลไวร์” เรียบร้อยแล้ว พร้อมเข้าสู่การสร้าง New S-Curve ในธุรกิจใหม่ ควบคู่การบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า เริ่มต้นศักราชปีมังกรทอง โรงงานผลิตลวดเหล็ก ที่จังหวัดชลบุรี ได้ฤกษ์ดีเดินเครื่องการผลิตเชิงพานิชย์แล้ว โดยมีขนาดกำลังการผลิตที่ 2,000 ตันต่อเดือน ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกันกับโรงงานคอนกรีตแห่งที่ 10 คาดว่าสร้างรายได้ที่ประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี

 

โดยเครื่องจักรที่ติดตั้งโรงงานผลิตลวดเหล็ก เป็นเครื่องจักรที่มีความทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ซึ่งโดยปกติโรงงานผลิตลวดเหล็กโดยทั่วไปจะใช้น้ำกรดที่มีความเข้มข้นสูงในการทำความสะอาดลวด แต่โรงงานผลิตลวดเหล็กของ STECH จะไม่ใช้ระบบน้ำกรด แต่จะใช้วิธีการดัดลวดแล้วใช้กระดาษทรายทำความสะอาด ซึ่งเป็นโรงงานลวดเหล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม “ลวดรักษ์โลก”

 

“โรงงานลวดที่กดปุ่มเดินเครื่องเรียบร้อยแล้ว ใช้รองรับสินค้าใหม่ในการพัฒนาโครงการของบริษัท ราว 30% และที่เหลือดำเนินการขายให้กับลูกค้าอีกทางหนึ่ง มองว่า ธุรกิจใหม่จะสนับสนุน STECH เข้าสู่การสร้าง New S-Curve และการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนค่าลวดนับเป็นประมาณ 20-30% ของต้นทุนการผลิต และจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สร้างฐานกำไรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นายวัฒน์ชัย กล่าว

 

สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 ที่ผ่านมา สัญญาณดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2566 ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งจะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้น ส่งผลดีกับ STECH ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงที่จำเป็นสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง สนับสนุนผลงานทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

 

โดยในปี 2566 บริษัทเชื่อว่า กำไรเติบโตขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนที่ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการขยายโรงงานคอนกรีตแห่งที่ 10 มีกำลังการผลิตที่ประมาณ 30,000-40,000 คิวต่อปี สามารถเพิ่มกำลังการผลิต 20-30% ของกำลังการผลิตรวม โดยมีการรับรู้รายได้จากการขยายงานในส่วนดังกล่าวเต็มปีในปี 2566 ที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามงานที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว มูลค่ารวมประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาบริษัทฯ มีโอกาสได้รับงานไม่ต่ำกว่า 50% ของการยื่นประมูล

 

 




ที่มา สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย