สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนผลิตภัณฑ์ ต้นทุนงานบริการในการตอกเสาเข็ม การดูแลโครงการอย่างใกล้ชิด ต้นทุนค่าขนส่ง มีการติดตามประสิทธิภาพในการขนส่ง มีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมทั้งรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายตลาดไปยังลูกค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มยอดขายงานเสาไฟฟ้าในภูมิภาคต่างๆ และเน้นเรื่องของ ESG อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของ Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1,165 ล้านบาท เป็นงานขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและบริการติดตั้ง จำนวน 1,100 ล้านบาท งานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115kV จำนวน 65 ล้านบาท และมีงานอยู่ระหว่างการติดตามอีกราว 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์งานโครงการที่กำลังติดตามอีกหลายโครงการ ซึ่งมีทั้งงานภาครัฐและงานภาคเอกชน ที่เริ่มมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานโครงการภาครัฐหลังมีการอนุมัติงบประมาณผ่านสภาฯ มีการเร่งประมูลงาน โครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ซึ่งบริษัทได้ติตตามงานเสาเข็มและงานคานสะพาน ซึ่งเป็นงานใหญ่ โดยงานทางอิสานที่กำลังดำเนินการ STECH ได้รับอานิสงส์เต็มๆ เนื่องจากมีโรงงานอยู่ที่จ.ขอนแก่น และบุรีรัมย์ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นต้น
“สำหรับแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน และเชื่อว่างบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้น ส่งผลดีกับ STECH ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงที่จำเป็นสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง สนับสนุนผลงานทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทรงศักดิ์ กล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon